ครั้งแรกกับลานปั่นจักรยานสีเขียว สุวรรณภูมิ

ขอสารภาพเลยว่าไม่ได้ปั่นจักรยานมานานหลายปีแล้ว จักรยานก็เก่าเกินแกงสนิมขึ้นเขรอะเลย จะเอาไปปั่นที่สุวรรณภูมิก็กลัวจะพังระหว่างทาง ดังนั้นผมจึงตัดสินใจมองหาจักรยานใหม่ ซึ่งก็ควรจะเป็นจักรยานพับได้ ไม่ก็ต้องถอดล้อไปเลย สุดท้ายก็ไปสะดุดตากับเจ้าตัวนี้

6tag-481798126-895451333596863732_481798126

วงล้ออยู่ที่ 20″ ถือว่าใหญ่ในบรรดาจักรยานพับได้ ที่สำคัญเลยพับเก็บใส่หลังรถ Ford Fiesta ได้พอดีคัน ศึกษาจากเว็บไซต์จนได้ร้านที่ใกล้ที่สุดแล้วก็สอย เป็นอันเรียบร้อย 🙂

เมื่อได้จักรยานเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็ศึกษาเส้นทางไปยัง ลานปั่นจักรยานสีเขียว สนามบินสุวรรณภูมิ ทางไปไม่ยากเลยครับ ถ้ามาทางพระรามเก้าจะสะดวกมากๆ ยิงยาวๆเหมือนไปชลบุรี จะมีป้ายบอกทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ขับยาวไปเลยครับชิดซ้ายไว้ไม่ต้องไปยังอาคารส่งผู้โดยสาร แล้วเราจะเห็นด้านซ้ายมือเป็นป้ายว่า สุวรรณภูมิ 2 ถ้าเห็นแบบนี้ก็ใกล้ถึงแล้วครับ และก็จะมีป้ายเขียวบอกทางไปลานปั่นจักรยานอยู่เป็นระยะ จะมีงงเล็กน้อยก็ตรง เลี้ยววกกลับใต้สะพาน เพราะถ้าขึ้นสะพานก็ตัวใครตัวมันเลยครับ ฮ่าๆๆ

ครั้งแรกกับลานปั่นจักรยานสีเขียว

หลังจากได้จักรยานมาลองปั่นเล่นหน้าบ้านสักพักก็เริ่มอยากไปปั่นจริงๆจังๆสักทีครับ แต่ตอนที่คิดนั้นประมาณ 10 โมงเห็นจะได้ แต่ผมเป็นคนคิดอะไรแล้วต้องทำเลยไม่ค่อยเผื่อแผนการล่วงหน้า พอหาข้อมูลเสร็จ เอาจักรยานใส่รถแล้วมุ่งหน้าไปยังสุวรรณภูมิเลยครับ กะว่าคงไปถึงประมาณ 11 โมงเช้า แต่…ถึงกับเบรคเอี๊ยดดดดดด! ลืมเอาหมวกจักรยานมา เลยวกรถกลับไปบ้านเพื่อไปเอาหมวกจักรยานอีก ช่วงนี้ถึงกับท้อ คิดจะเลิกไม่ปงไม่ไปมันล่ะ ด้วยการที่เป็นโปรแกรมเมอร์ฝังราก เคยยอมแพ้อะไรที่ไหน ออกไปอีกครับ!

ถึงแล้ว… มาถึงผมก็งูๆปลาๆ ไปจอดสถานีตำรวจท่องเที่ยวตรงที่วกรถใต้สะพานซะงั้น แล้วก็ปั่นจักรยานเข้ามาทางปั่นจักรยาน มาถึงตรงนี้เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ผมเจอแผนที่ลานปั่นจักรยานก็เลยอยากจะแชะภาพเป็นที่ระทึกสักหน่อย ช่วงที่หยิบออกมาไม่ทันระวัง บัตรประชาชนตกลงพื้นแบบไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไปถึงช่วงแลกบัตร ขี่วนไปวนมาก็หาไม่เจอครับ กว่าจะเจอก็ตอนที่ปั่นจักรยานเสร็จเรียบร้อยขับรถไล่หาตามที่ต่างๆ จนมาถึงจุดที่เรามาแชะภาพเป็นที่ระทึกนี่แหละ จึงมองเห็นมันตกอยู่บนพื้น รอดไป – -‘

 

WP_20150121_002

การที่เสียเวลากลับไปเอาหมวกจักรยาน แทนที่จะถึงเวลา 11 โมง กลับเป็น เที่ยงตรงครับ! แดดส่องส่งตรงมาจากดวงอาทิตย์พุ่งลงกลางกะบาลพอดี๊พอดีเลย ภาพช่วงนี้เลยสวยสดมากครับ มาถึงจะเจอกับลานปั่นเด็กประถมก่อนเลยครับ แต่ยังไงล่ะครับ ผมไม่รู้ครับว่ามันเป็นลานปั่นเด็กประถม คิดว่ามันใช่ล่ะ จุดที่เราต้องฝ่าฟันไป

WP_20150121_003

 

ปั่นไปด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเลยครับ เริ่มจากทางตรงยาวแล้วก็วกกลับมาเจอทางตรงยาวอีก ถึงตอนนี้มันชักแปลกๆเหมือนขับย้อนกลับมาที่เดิม จึงถึงบางอ้อครับ ฮ่าๆๆ

ลานปั่นจักรยานเด็กประถมนี่คงประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้นเองครับ เมื่อส่ายสายตาไปรอบๆก็เจอป้อมอยู่ไกลๆและมีพวกนักปั่นอยู่ประปรายเนื่องจากมันเป็นเวลาเที่ยงตรงและเป็นวันธรรมดา คนจึงค่อยข้างน้อย ถึงโคตรน้อยเลยก็ว่าได้ พอไปถึงที่ลงชื่อเข้าปั่นจักรยาน คุณ ร.ป.ภ. กลับบอกว่าไม่ต้องแลกบัตร เขียนลงชื่อเอาไว้ก็พอ

WP_20150121_005

 

ทีนี้ก็ของจริงกันแล้ว ลานปั่นจักรยานสีเขียว ระยะทาง 23.5 Km กับแดดตอนเที่ยงตรง ขอบอกเลยว่าโคตรร้อนสุดๆ ผิวนี่แสบสะท้านไปหมด นี่มัน “ลานนรกสีเขียว” ซะมากกว่า!

จุดเริ่มต้นการปั่นจักรยาน ผมหันซ้ายแลขวาแล้ว ไม่มีให้เห็นแม้เงา หันหลังกลับไปที่ป้อม อ้อ! เห็นจักรยานคนอื่นบ้างแระ – -* ผมขับไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ยังดีที่เตรียมน้ำมาดื่มด้วย สถานการณ์นี้ยังกับอยู่กลางทะเลทรายคนเดียว มีอีแร้งตามริมทาง จริงๆมันก็เป็นนกสีขาวสวยๆแหละครับ ไม่นานผิวหนังก็เริ่มปรับตัวกับอากาศที่ร้อนระอุได้

WP_20150121_006

แต่ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ความร้อนแล้วครับ เป็นความเมื่อยล้าของขาผมเอง ก็คนไม่ได้ปั่นมานานนี่นา แค่ 5 Km ก็เริ่มคิดแล้วครับ “เมื่อไหร่มันจะถึงสักทีวะ! $#$%$^&$@#$$^” เป็นแบบนี้จริงๆครับ พูดอะไรออกมาก็ไม่มีใครได้ยิน สองข้างทาง เรียกได้ว่ารอบทิศทางเลยดีกว่า ไม่มีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่เลย ยางแตกตอนนี้ก็คงไม่น่าพิศมัยเท่าไหร่ ก็ได้แต่ภาวนาให้อยู่รอดจนจบทริปนี้ครับ

และแล้วก็มาถึงระยะ 10 Km แรก ความฟินได้บังเกิดเลยจอดแวะถ่ายรูปเป็นที่ระทึกสักหน่อย คราวนี้หันมองรอบตัวว่าทำอะไรตกหล่นไปอีกหรือเปล่า เพราะตอนนั้นยังนอยส์เรื่องบัตรประชาชนหายอยู่
WP_20150121_007

WP_20150121_008

ได้มาเกือบครึ่งทางแล้ว ยังเหลืออีก 13.5 Km ถึงตอนนี้ใช้เวลาไปประมาณ 35 นาทีได้ ไม่ต้องพูดถึงที่ขาเลย ไม่รู้แล้วครับว่าความเจ็บปวดมันคืออะไร ส่วนตรงก้นยังไม่เจ็บเท่าไหร่นักเพราะซื้อที่หุ้มเบาะเจลมาใช้ มีส่วนช่วยได้เยอะมากๆเลย ถ้าไม่มีเจ้านี่คงทรมานน่าดู

WP_20150121_011

จากนั้นก็ขึ้นไปปั่นยิงยาวไปเรื่อยๆ จากมือที่เคยเหยียดตรงก็ขยับปรับท่ากลายเป็นเสือหมอบ เสือนอนกันเลยทีเดียว เพราะตอนนี้เริ่มเมื่อยทั้งขา เมื่อยทั้งมือไปหมดแล้ว แต่ก็ถึงกิโลเมตรที่ 20 ทำให้ได้ข้อคิดว่า เมื่อเราใกล้ถึงเป้าหมาย ความเหนื่อยความยากลำบากจะค่อยๆจางลง จนเราไม่รู้สึกว่ามันคือความลำบาก การที่เราไปสอนคนที่เพิ่งเริ่มต้นก็ควรที่จะใส่ใจกับรายละเอียดตรงนี้ไว้ซึ่งเราอาจจะลืมไปแล้ว!

WP_20150121_012

WP_20150121_013

ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ก็คือ 3.5 Km ที่เหลือ ขอบอกเลยว่าฟินสุดๆครับ ไม่มีความเหนื่อย ไม่มีความเมื่อย มีแต่ความสุข สุขที่รู้ว่าอีกไม่นานเราก็สบาย ปั่นไปอย่างเพลิดเพลินฮัมเพลงชิวๆไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึงที่หมาย แต่ก่อนถึงป้อม ก็ขอแชะภาพใน 23.25 Km เป็นอันครบรอบทริปนี้

WP_20150121_016

สุดท้ายเราก็ทำสำเร็จ อยากเฮดังๆเสียจริงๆ แต่หลังจากวันนั้น สุดเมื่อยเลยครับ เหมือนขาเป็นท่อนเหล็กต้องใช้พลังงานมหาศาลในการขับเคลื่อน เป็นแบบนั้นได้ 2 – 3 วัน อาการจึงดีขึ้นตามลำดับ และได้ปั่นต่อในวันอาทิตย์ เค้าเรียกว่า “ซ้ำ” นั่นเอง ครั้งนี้ไปปั่นตั้งแต่เช้าเลยครับ 7 โมงเช้าวันอาทิตย์ คนยังกับหนอนรถเยอะมากๆครับ จอดตามไหล่ทางกันเพียบเลย ฉุกคิดไม่ได้ว่า ถ้าตอนนั้นเป็นวันแรกแล้วทำบัตรประชาชนหล่น มันจะยังอยู่ที่เดิมตรงนั้นหรือเปล่า – -*